เอ ศุภชัย ไม่แปลกใจ อั้ม พัชราภา ได้ค่าสัญญาปีละ 20 ล้าน เผยทำละครขาดทุน 25 ล้าน

 


เอ ศุภชัย ไม่แปลกใจ อั้ม พัชราภา ได้ค่าสัญญาปีละ 20 ล้าน เผยทำละครขาดทุน 25 ล้าน

เสียชื่อไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ คำนิยามการทำงานแบบทุ่มสุดตัวสุดใจของ นักปั้นมือทอง “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ที่แม้จะเจ็บตัวจากการทำละคร “แม่เบี้ย” ขาดทุนไปกว่า 25 ล้าน แต่เจ้าตัวก็ไม่หวั่น ล่าสุดเตรียมทำเรื่องใหม่ “เสน่ห์นาง” ที่การันตีความทุ่มทุนสร้างเช่นเคย อีกทั้งยังไม่หมดหวังในการคว้าตัวซุปตาร์ในสังกัดอย่าง “อั้ม พัชราภา” มาร่วมเล่นละครในฐานะที่ตนเป็นผู้จัดสักครั้งในชีวิต และพร้อมสู้ค่าตัวเต็มที่

ล่าสุดวันที่ 19 ส.ค.66 “เอ ศุภชัย” ที่เปิดตัวเด็กปั้นใหม่ในสังกัด 7 คน “A Entertainment” ณ สตูดิโอ โคริเน็ตเวิร์ค ซอยเจริญกรุง 69 พร้อมให้สัมภาษณ์ไม่แปลกใจค่าสัญญาของ “อั้ม พัชราภา” กับช่อง 7 ปีละ 20 ล้านเพราะซุปตาร์สาวอยู่กับช่องมานาน ไม่คิดจากไปไหน และยังทุ่มเททำงานด้วยความตั้งใจมาตลอด พร้อมเผยยินดีกับอดีตนางเอกในสังกัดอย่าง “ปู ไปรยา” ที่กำลังจะแต่งงานในปลายปีนี้

เรื่องละครที่เรารอ อั้ม พัชราภา กลับมาแล้วที่ผ่านมาก็ค่อนข้างเจ็บตัวเยอะ?
“ต้องบอกก่อนว่าเรื่อง เสน่ห์นาง พี่เอตั้งใจมากๆ เลยคือบทอ่านครบด้วยตัวเองแล้วนะคะ ตอนนี้อ่านถึงตอนที่ 14 แล้ว ละครมีทั้งหมด 15 ตอน นั่งอ่านกับคนเขียนบทสองวันสามวัน ไปฮ่องกงเกาหลีก็เอาไปอ่าน เลยตั้งใจคือจากประสบการณ์จากที่เราขาดทุนไปหลายล้าน จากเรื่องแม่เบี้ย ตอนนี้ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้เราต้องระมัดระวังควบคุมงบการทำงานมากขึ้นเลยต้องแยกซีนเอง นั่งแยกโลเคชั่นเอง คิดคอสตูมเอง นั่งคำนวณว่าถ้าขนาดนี้ ซีจีจะขนาดไหนเพราะเรื่องแม่เบี้ยซีจีมาแค่งูแต่เรื่องใหม่มีทั้งแมงมุมทั้งงู ตะขาบ มีทุกอย่าง พี่เลย นั่งเกาหัวอยู่ค่ะว่าจะทำยังไงดีให้มันเซฟเงินมากที่สุด ที่ขาดทุนน้อยที่สุด แต่ก็ต้องขาดทุนแต่ไม่เป็นไรอยากให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุด”

ตอนแม่เบี้ยมันขาดทุนประมาณเท่าไหร่?
“น่าจะ 25 ล้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะพี่ทำซีจีเยอะกว่าที่เขามอบหมายเพราะพี่เสียชื่อไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ค่ะ เหมือนที่บอกทุกคน งูเหมือนตุ๊กแกพอไปแก้งูเหมือนอนาคอนดา”

จากเรื่องนั้นที่เสียไป 25 ล้านมันรู้สึกยังไงบ้าง?
“ไม่รู้สึกอะไรเลย ดีใจที่คนดูได้รางวัลไปจากเราคือเป็นรางวัลให้คนดูเพราะถ้าไม่มีคนดูในวันนี้พี่เอก็เป็นพี่เอที่ทุกคนชื่นชมไม่ได้เพราะอย่างงั้นเป็นรางวัลให้คนดูเขาได้ดูหนังที่ผู้จัดทุ่มสุดตัวสุดใจ”

25 ล้านเรากลับไปดูไหมมันบานปลายตรงไหน?
“ก็ซีจีนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) เรื่องใหม่นี้ก็ซีจีค่ะ ตอนแรกเรารอดแล้วนึกว่าไม่มี แต่ด้วยการที่เราชอบดูหนังจีนเยอะ เราเลยบอกคนเขียนบทว่าเนี่ยใส่เต็มที่เลย ฉันชอบปล่อยพลัง ปล่อยใยไหม คนเขียนเลยใส่มาจัดเต็ม มานั่งคิดให้ผู้กำกับฯ คนทำซีจีคุยกันว่ามีวิธีไหนบ้างบางอันที่ไม่ต้องใช้ซีจีแต่ใช้แอ๊กติ้งเล่นแทน”


เรื่องนี้ตั้งงบไว้เท่าไหร่?
“ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าตัวเลขเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเดี๋ยวหมดกำลังใจในการทำงานตอนนี้เลยทำงานอย่างเดียวไปก่อน ดูผู้กำกับฯ นักแสดง ซีน โลเคชั่น ทำเองหมดเลยแต่ทำเองในที่นี้ก็คือนั่งแยกซีนแล้วเดี๋ยวเอาคนที่เป็นธุรกิจกองมานั่งคุยกันแล้วก็คนที่ทำงานหลายๆ คน”

อะไรที่อยากทำให้กลับมาเป็นผู้จัดอีกครั้ง หลังจากเจ็บตัวมาแล้ว?
“คือพี่เอคิดแบบนี้พี่เอได้กำไรจากคนดูคือสิ่งที่พี่เอมีอาชีพเป็นเอ -ศุภชัยได้ทุกวันนี้ พี่เอเลยรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นที่พี่เอตอบแทนไปมันก็คือเป็นกำไรที่เขามอบความเชื่อใจให้กับพี่เอ พี่เอเลยเต็มที่กับการทำงานทุกๆอย่าง ไม่รู้สึกว่าขาดทุน รู้สึกที่ดีใจที่เขาได้สิ่งดีที่สุดของพี่เอกลับไป”

โปรเจ็กต์ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?
“ตอนนี้พี่เออ่านบทเกือบครบแล้วค่ะ เหลืออย่างเดียวคือแคสติ้งนักแสดงค่ะ อันนี้ขอรอเวลานิดนึงคือพูดตรงๆ ตอนนี้นักแสดงที่คิดไว้ยังอยู่ในใจเราแต่เรายังไม่ได้เคาะอะไรเลย”

หลายคนมองว่าจะต้องตื๊ออั้มมาเล่นให้ได้เลย?
“(หัวเราะ) พี่เอไม่บังอาจอยู่ที่ความกรุณาของพี่อั้มจริงๆ”

มีการส่งบท 15 ตอนไปให้อั้มได้อ่านหรือยัง?
“บทอยู่ในมือแม่พี่อั้มเรียบร้อยแล้วค่ะ แม่พี่อั้มก็เชียร์เรียบร้อย (เขาว่ายังไง?) พี่อั้มยังเฉยๆ (หัวเราะ) ก็คือพูดตรงๆ พี่เอคุยกับพี่อั้มครั้งสุดท้ายตอนต่อหน้าสื่อ ที่พี่เออ้อนพี่อั้มต่อหน้าสื่อแล้วแกตอบปฏิเสธ หลังจากนั้นพี่เอยังไม่ได้ง้ออีกรอบเลย พี่เอต้องดูเวลาหน่อยเพราะช่วงนี้พี่อั้มคงมีเรื่องหลายเรื่องให้คิด”


ทำไมถึงยังอยากร่วมงานกับอั้มในฐานะผู้จัดแล้วเขาเป็นนักแสดง?
“ใช่ พี่เอก็คิดเหมือนกันว่าทำไมรอพี่อั้ม พี่เอก็คิดว่าทำไมพี่อั้มเล่นของคนอื่นได้แต่ทำไมไม่มาเล่นของพี่เอสักเรื่อง แค่นี้เองค่ะ (ยิ้ม) แล้วพี่เอก็ไม่รู้ว่าพี่เอจะทำละครอีกกี่เรื่อง เหมือนกับไม่รู้ว่าเรื่องอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของพี่เอหรือเปล่าพี่เอก็ยังไม่รู้ พี่เอก็อยากได้คนที่พี่เอรักมากๆ มาอยู่กับพี่เอ อาจจะอยู่กันแล้วทะเลาะกันบ้างหรืออะไรกันบ้างแต่พี่เอว่าเราได้อยู่ด้วยกัน”

หลายคนมองว่าเราก็สู้เรื่องค่าตัว อันนี้หนักใจแค่ไหน?
“ไม่หนักใจเลยค่ะ ขอให้เขาเล่นก็พอ (หัวเราะ) ค่าตัวช่องจ่าย (หัวเราะ)”

คนก็แซวว่าเราต้องทุ่มเยอะๆ เขาถึงจะยอมเล่นเราหนักใจตรงนี้ยังไงบ้าง?
“ไม่จริง พี่อั้มเองเขาก็ไม่อยากให้พี่เอขาดทุนหรอกค่ะ (ยิ้ม) แกเอ็นดูแต่แกก็เหมือนตอนนี้ยังเหนื่อยกับเรื่อง ลมพัดผ่านดาว ที่กำลังจะออนแอร์แกคงอยากให้พี่เอโฟกัสงานที่กำลังจะออกก่อนค่ะ แล้วเรื่องต่อไปว่ากันอีกทีนึง ยังไงก็แล้วแต่พี่เอก็ตั้งใจทำเต็มที่ทั้งบทและทุกอย่าง”

กับเรื่องข่าวค่าตัวพี่อั้มกับช่อง 7 ให้ปีละ 20 ล้าน เรารู้สึกยังไง?
“อันนั้นพี่เอไม่ทราบรายละเอียด เพราะพี่อั้มรับตรง (หัวเราะ) พี่อั้มเป็นผู้จัดการพี่เอแล้วพี่เอไม่รู้เรื่องเลยค่ะ (หัวเราะ)”

เราตกใจกับข่าวที่ออกมาไหม?
“ได้ฟังครั้งแรกก็อยากส่วนแบ่งเลยเนี่ย (หัวเราะ) อยากได้ส่วนแบ่งเอามาทำละครเลย (หัวเราะ)”

คิดว่ามันเป็นไปได้ไหมกับตัวเลขนี้?
“ยังไม่ทราบเหมือนกันเลยค่ะ (ยิ้ม) ก็อยากให้พี่อั้มได้เยอะๆ เพราะพี่อั้มตั้งใจทำทุกอาชีพทุกหน้าที่ พี่เอว่ามันก็ไม่ได้แปลกเลยเพราะพี่อั้มอยู่ช่อง 7 มานานมากแล้วก็รักในความเป็นนางเอกช่อง 7 ไม่ไปไหนพี่ว่ากับความเป็นแบบนี้ถ้าเป็นบริษัทพี่เอก็ให้แบบนี้เหมือนกัน”

เราเปิด A Entertainment ได้ชวน อั้ม มาร่วมหุ้นด้วยมั้ย?
“เดี๋ยวอนาคตต้องไปคุยกับแกค่ะ ว่ามีอะไรช่วยกันได้บ้างหรือว่าถ้าได้กำไรเอาเงินไปให้แก่ง่ายกว่ามั้ยคะ(หัวเราะ) พี่ว่าอันนั้นง่ายได้กว่าค่ะ”

 

สุดท้ายฝากในฐานะที่เราเป็น CEO A Entertainment การกลับมาของเราครึ่งปีหลังมันจะปังแค่ไหน? “ เราเป็นคนที่อยู่ในวงการนี้มานานแสนนานจริงๆ ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปิดเป็นบริษัทเป็น A Entertainment ของเราจริงๆจากเมื่อก่อนเวลาเราเด็กเราไปฝากช่องโน้นช่องนี้แต่วันนี้พี่เอก็รู้สึกว่าเราสามารถทำได้อยู่ในมือของเราก็คือโซเชียลที่เป็นอีกสื่อหนึ่งที่ช่วยทำให้เด็กเราคนรู้จักก่อน พอวันหนึ่งคนรู้จักเราก็สามารถพาไปช่องใหญ่ ให้ช่องใหญ่เขาเบากำลังในการปั้น อาจจะได้คนที่มีคนรู้จักแล้วไปเล่นเลย ให้คนได้รู้จักก่อนเหมือนเป็นตัวนำทาง นำร่อง ต่อไปเวลาไปเล่นก็รู้จักว่าคนนี้ร้องเพลงได้ เขาก็รู้ความสามารถของเด็ก เหมือนเขาเอ็นดูอยู่ในใจแล้ว อยากให้มันเป็นแบบนั้นในสิ่งที่คาดหวัง แต่ความสำเร็จจริง ๆ อยู่ที่เหตุการณ์และเวลามาเป็นตัวตัดสินค่ะ”

หนักใจมั้ยมีหลายบริษัทที่มีเด็กในสังกัดเยอะ การแข่งขันสูง? “พี่เอไม่หนักใจเลยเพราะว่าเรามีหลายธุรกิจ เราสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ธุรกิจให้มันเป็นตัวเงินได้หมดทุกธุรกิจเลย ถ้าเราไม่หยุดนิ่ง บางทีคนที่เขาตกงานหรือว่างงาน บางทีเรานั่งคิดแค่เส้นทางเส้นเดียวที่เรามอง แต่จริงๆ พี่เอพูดอยู่เสมอว่าถนนเข้าสู่กรุงโรมมันมีอยู่เป็นร้อยสาย อยู่ที่ตัวคุณจะไปสายไหน แต่ถ้าคุณมองแค่ถนนสายเดียวเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วหาเงินสายนี้สายเดียวพี่เอว่ามันก็อาจจะลำบาก แต่ถ้ามองเหมือนพี่เอ ไปเปิดร้านอาหารบ้าง ไปเปิดแบรนด์สินค้า ถ้าคุณทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดให้มันเป็นตัวจริง พี่เอว่ายังไงทุกคนก็ยอมรับในสิ่งนี้ได้ค่ะ”

ถามเรื่องที่ ปู ไปรยา ไปหาเป็นยังไงบ้าง? “ดีใจ ไม่ได้เจอน้องปูนานมากแล้ว เห็นน้องปูในไอจีอย่างเดียว ไปถึงก็กอดกันเหมือนน้ำตาจะไหล แล้วก็ให้ดูรูปตอนสมัยวันแรกที่เข้าวงการ เป็นถ่ายปกหนังสือเล่มแรกๆ แล้วก็มีรูปแปะที่กำแพงบ้าน กำแพงบ้านพี่เอก็จะมีรูปดาราหลายๆ คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนต้น น้องปูก็มาบอกว่าน้องปูจะแต่งงานแล้วให้พี่เอกเตรียมตัวนะ แม่หนึ่งก็คือแม่ปูที่บ้าน แม่สองก็คือพี่เออย่างนี้ค่ะ แม่ผู้หางานกับแม่ผู้คลอด พี่เอก็ดีใจกับน้องปู พี่เอก็บอกว่าดีใจด้วยนะน้องปู จากตอนเด็กๆ ที่เขาอายุ 15-16 เราขวางคนโน้นขวางคนนี้ แล้วสุดท้ายคนที่หาผู้ชายมาให้ก็คือแม่ที่แนะนำให้รู้จัก พี่เอไม่ต้องโดนน้องปูทำโทษแล้วนะ เพราะว่าจากวันนึงที่เคยขวางแต่วันนี้แม่ก็เป็นคนแนะนำให้ น้องปูต้องให้อภัยพวกพี่สมัยตอนเด็กๆ ที่ขวางปูไม่ให้คุยกับคนโน้นคนนี้ คือเวลาและจังหวะตอนนั้นมันยังไม่เหมาะสม เราเป็นผู้ใหญ่เราก็เห็นว่ามันไม่เหมาะสมแต่ตอนนี้วัยและเวลาทุกอย่างมันลงตัวมากแล้ว และเห็นแววตาน้องปูที่มีความสุข เวลาเขาพูดถึงคนของเขาเนี่ยหนูนอนหลับสบายมากเลย หนูไม่ต้องเครียดไม่ต้องคิดว่าเขาไปหาคนอื่น เราเห็นแววตาในคำพูดของเขาแล้วเรารู้สึกดีใจที่เป็นความสุขจริงๆ ไม่ต้องเป็นความสุขที่ต้องวิ่งตามหาแต่เป็นความสุขที่นอนรอแล้วมาเลย”

ย้อนกลับไปปูเป็นเด็กดื้อไหม? “ ตอนเด็กๆ ทุกคนก็เป็นแบบนี้กันหมดแหละค่ะ พี่เอก็ดื้อ (ปูก็สร้างตำนานหลายอย่าง?) โอ๊ย ทุกอย่าง ถ้าวันนั้นถ้าใครดูคลิปในไอจีสตอรี่พี่เอ นางก็เล่ามาตั้งแต่สมัยที่ไปกองขึ้นรถหนีกลับบ้าน แล้วพี่เอบอก เอาไว้ในรถตู้ ปิดประตูเดี๋ยวนี้ อย่าให้หนีกลับ ตอนนี้เวลาเรามานั่งเล่าเราก็หัวเราะจากวันนึงที่เราเจอเหตุการณ์เราก็ร้องไห้วันนี้เราหัวเราะแล้ว ทุกอย่างมันผ่านมาแล้วทุกคนก็เป็นแบบนี้หมด ผ่านวัยเด็กวัยที่เอาแต่ใจตัวเอง แล้ววันนึงเราเป็นผู้ใหญ่ พี่ก็เลยบอกว่าคนบางคนเราไม่ต้องไปสอนหรอกอย่างโน้นอย่างนี้ เวลาเขาโตเขาเจออะไรเยอะๆ เดี๋ยวเขาก็กลับบ้านมาหาแม่เชิญแม่ไปงานแต่ง ก็ดีใจค่ะ(ยิ้ม)”

อวยพรยินดีกับน้องยังไงบ้าง? “ น้องบอกว่าจะให้พี่เอขึ้นสปีคบนเวทีที่แอลเอ พี่เอถามว่าจะให้พูดเป็นภาษาอะไร ภาษาอังกฤษฉันก็พูดไม่ได้เก่ง น้องปูบอกว่าพูดภาษาอะไรก็ได้ หนูกับแม่ที่บ้านกำลังรอฟังพี่เอสปีคอยู่ พี่เอก็เขิน ก็แสดงความยินดีดีใจกับเขา ดีใจจริงๆ ดีใจกับสิ่งที่ใช่ของเขาจริงๆ”

หลายคนคาดหวังกับชุด? “พี่เอก็บอกน้องปูเลยถ้าชุดพี่เอเกิดเกินหน้าแล้วคนจะไม่ด่าพี่เออีกเหรอ(หัวเราะ) พี่ปูบอกยอมพี่เอคนเดียว คนอื่นไม่ยอม(หัวเราะ) ก็ต้องให้เกียรติน้องปูแหละค่ะ ขโมยซีนเดี๋ยวคนเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าสาว” .


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เอนไซม์ (Enzyme) คืออะไร? และประโยชน์ของเอนไซม์ มีอะไรบ้าง

เรื่องย่อ High School Return of a Gangster นักเลงซ่าส์ท้าวัยเรียน ถ้าไม่แน่จริง อย่าซ่าส์กับนักเลง (ในร่างนักเรียน)

7 วิธีแต่งหน้าให้ติดทนนานทั้งวัน สวยฉ่ำ ท้าฤดูฝน